top of page

80/20 Bangkok

  • Writer: บอสพาชิม
    บอสพาชิม
  • Nov 27, 2019
  • 1 min read

ree

80/20 นับเป็นร้านอาหารที่น่าสนใจมากๆร้านนึงสำหรับผม เพราะ องค์ประกอบของอาหารที่เป็นอาหารไทยเเต่เชฟดันมีเเบล็คกราวน์ดจากการทำอาหารในประเทศตะวันตก ไม่ใช่มีเพียงเเค่เชฟคนไทยเเต่ทางร้านยังมีตัวตนครึ่งนึงเป็นคนญี่ปุ่นด้วย


วันนั้นนี่เรียกว่าปุ๊ปปั๊ปรับโชค เกิดอะไรดลใจให้อยากกินอะไรดีๆขึ้นมา ปิ๊งขึ้นมาได้ว่าเรายังไม่เคยลองร้าน 80/20เลยนิหว่า จึงทำการจองเสร็จสรรพตอนเย็นๆเเละตรงไปที่ร้านเลยในวันนั้น ฮ่าา



80/20 อาจจะไม่ใช่ร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ เเต่80/20ในปีนี้มีความเเตกต่างจากเดิมไปมากทีเดียว ทางร้านพึ่งปิดร้านเพื่อเปลี่ยนโฉมมาเป็นไฟน์ไดน์นิ่งเต็มรูปแบบเเละประสบความสำเร็จ จนทำให้ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ ที่พึ่งประกาศกันไปหมาดๆในมิชลินไกด์ฉบับล่าสุด โดยรีวิวนี้ผมไปกินก่อนการประกาศผลเพียงสองถึงสามวันเรียกว่าดวงของเราตรงกันจริงๆครับ


สิ่งนึงที่ผมชอบ80/20 ตรงความไม่ยอมเเพ้กล้าที่จะลองเเละความตั้งใจ ซึ่งเเพชชั่นตรงนี้ของเชฟทั้งสองสามารถสื่อสารให้ผมรับรู้ได้จริงๆผ่านสิ่งที่ทั้งสองนำเสนอบนจานอาหาร ผ่านภาพในครัวที่ได้เห็น เเละผ่านพลังงานที่เปี่ยมล้นที่ได้รับจากการสื่อสารกับเชฟทั้งสองที่หมั่นเเวะเวียนมาเสริฟ์อาหารกันด้วยตัวเอง


80/20 ภายใต้การฟูมฝักของ เชฟคู่หูอย่างเชฟเชฟโจ ณพล จันทรเกตุ และ เชฟซากิ โฮชิโนะ นั้นมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจากการผสมผสานวัฒนธรรมการเสริฟ์อาหารเเบบ Kappo kaiseki มาประยุกต์ใช้กับอาหารไทยที่แฝงกลิ่นอายตะวันตกได้อย่างลงตัว และ เเสดงอัตตลักษณ์ของเชฟทั้งสองได้อย่างน่าสนใจ โดยเชฟทั้งคู่ต้องการจะนำเสนออาหารที่มีรสชาติอร่อยและฉีกกรอบอาหารเดิมๆที่ฝังอยู่ในหัวเรา ในแนวคิดที่แตกต่างออกไปและกล้าที่จะต่างอย่างมีเอกลักษณ์​


อาหารของ 80/20 แม้เป็นอาหารไทย เเต่ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย รสชาติของอาหารตะวันตก อาหารของทางร้านมีรสชาติที่เข้มข้นโดยเฉพาะสารพัดซอสทำเองของทางร้านที่ดีมากๆในหลายๆตัว ในหลายๆเมนูนั้นด้วยความเเปลกของวัตถุดิบผมเเอบสงสัยว่าชาวต่างชาติจะเข้าใจเเละเอ็นจอยไปกับเราไหม


สำหรับเมนูอาหารของ 80/20 จะเสริฟ์มาที่ละจานซึ่งไม่เหมือนกับร้านไฟน์ไดน์นิ่งอาหารไทยที่นิยมเสริฟ์มาเป็นสำรับมากกว่า โดยส่วนตัวผมพบว่ารูปเเบบนี้เหมาะกับ 80/20 ที่มีเป็นอาหารประยุกต์มากกว่าเพราะเราจะได้โฟกัสกับที่ละจานอย่างเต็มที่ โดยเมนูของทางร้านจะมีเฉพาะเทสติ้งเมนูเท่านั้น โดยมีทั้งสิ้นสิบหกอย่าง ในราคา3000++ (11/2019)


ในวันนี้จะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปได้เลยครับ



ree

จานเเรกของเราเป็นมะเขือเทศจากเชียงใหม่สดๆรับประทานกับเจลจากปลา ผงปลาทูน่า น้ำมันงา คำนี้เมื่อเข้าปากเราจะได้มีกลิ่นสมุนไพร ตามมาด้วยความเปรี้ยวหวานติดเผ็ดนิดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนต้มโคล้ง โดยส่วนตัวจานนี้รสบางไปเเต่ก็เป็นจานเริ่มต้นที่ดีทีเดียวครับ



ree


คำต่อมาเชฟเสริฟ์ทองม้วนเเต่เป็นทองม้วนเเบบเค็มเหมือนขนมเบื้อง โดยจะไส้เป็นกุ้งมังกรภูเก็ต ,หมูผัดเผ็ด, กิมจิคอมเพรส ต้นหอมและผักชี คำนี้ผมค่อนข้างผิดหวังครับตัวเนื้อกุ้งดิบเย็นไปจนรสหวานไม่ออก รู้สึกถึงเเต่รสเผ็ด ความเปรี้ยวหวานของกิมจิก็น้อยเกินไปจนไม่ครบรส



ree


จานถัดไปเชฟเสริฟ์ดอกไม้ทอด โดยจะมี เเข ขจร เเละดอกสโน ทอดในเเป้งผสมกะทิ รับประทานกับซอสพริกกับกุ้งเเห้ง อละซอสมะขาม


จานนี้อร่อยมากๆครับ ความยอดเยี่ยมของมันมาจากตัวแป้งผสมกะทิที่มันหวานเข้ากับดอกไม้ได้อย่างลงตัว ดอกยังไปกันได้ดีกับซอสสองรสอย่างซอสเค็มหอมกุ้งเเละร้อนพริกนิดๆ และซอสรสเปรี้ยวหวานจากมะขามอีกด้วย



ree


คำนี้เชฟเสริฟ์เมี่ยงครับโดยปกติเมี่ยงจะเป็นเเบบเเห้งๆ เเต่เชฟเอามาอยากทำให้มันเป็นน้ำๆ ซึ่งบัวเป็นคำตอบของเชฟครับ โดยเชฟเสริฟ์เป็นเมี่ยงกลีบบัว รับประทานกับ เม็ดบัว,รากบัวทอด,ไหลบัว,สายบัวดองอ่อนๆและส้มซ่า คำนี้เป็นคำหนึ่งที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้ มันเยี่ยมมากหอมเย็น ไม่หวานไป เท็กเจอร์เเละรสหลากหลายเเต่ลงตัวดีมากๆครับ



ree


จานต่อมาเป็นสตรีทมีท จานนี้ได้เเรงบันดาลใจจากหมูปิ้งเเละเนื้อเเดดเดียว โดยมาสลับกันเป็นเนื้อปิ้งเเละหมูเเดดเดียว


โดยเชฟนำเนื้อวากิวจากมุกดาหารมาทำให้สุกอย่างช้าๆ ก่อนปิ้งด้วยเตาถ่านให้หอม เกรซกับซอสปิ้งรสหวาน ไม้นี้ตัวเนื้อหอมเม็ดผักชี,กลิ่นเนื้อเเละถ่าน ตัวเนื้อมีมันนิดๆเเต่ไม่เลี่ยน รสเหมือนลูกผสมระหว่างเนื้อเเห้งที่ไม่เเห้ง นุ่มอร่อย ดีทีเดียวครับ


ข้างๆกันเชฟเสริฟ์เป็นหมูแผ่น โดยนำเนื้อหมูไปเเอร์ดรายเเล้วนำไปอบ ตัวหมูมีความเหนียวหนึบๆเเต่ไม่เเข็งมีความเค็มนิด ตัดกับซอสราดรสหวานๆคล้ายเเจ่ว ใช้ได้เลยครับ



ree


ตัดเบรคกันด้วยอะไรเย็นๆกันบ้างครับ เเก้วมังกรลอยเเก้วราดกรานิต้าเเละผงปู กินกับดอกไม้เเละใบสมุนไพร,น้ำมันสมุนไพรเเละน้ำมันพริก จานนี้เด็ดเลยทีเดียวครับ มันได้พิสูจน์ว่าความคิดว่าลอยเเก้วไม่จำเป็นต้องเป็นขนมหวาน ในจานนี้กลิ่นปูเเละกลิ่นหอมเย็นของดอกไม้เข้ากันอย่างสนุกสนาน น้ำลอยเเก้วนั้นมีรสเปรี้ยวหวานอ่อนๆทำให้ไม่กลบรสของผลไม้ ผงปู,น้ำมันพริกเเละสมุนไพรช่วยเพิ่มรสเค็มเผ็ดที่ปลายลิ้นนิดๆทำให้จานนี้มีเอกลักษณ์มากขึ้น อร่อยมากๆครับ



ree


ถัดไปเป็นจานเครื่องจิ้มกันบ้างกับ น้ำพริกกบ,มะเขือม่วง,มะเเขว่นและน้ำปลาร้าทำเองของทางร้าน โดยเราจะรับประทานกับดอกเงี้ยวทอด สารพัดผักแปลกๆ หนังกบทอด และข้าวทอด จานนี้ผมว่าน่าสนใจว่าจะอธิบาย​ต่างชาติยังไง เเต่ในส่วนของรสชาติทำออกมาได้ดีเลยครับน้ำพริกรสไม่จัดมากนักหอมมะเเขว่นไม่เหม็นปลาร้า ตัวเครื่องจิ้มอย่างหนังกบทอดนี้ทำได้ดีทีเดียวครับบางกรอบเค็มนิดๆอร่อยจนอยากขอเพิ่มเลย สารพัดผักแปลกๆนี้มีรสเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งสนุกดีครับที่ได้ลอง เเต่บางตัวผมก็ต้องบอกตามตรงว่าผมไม่ชอบรสของมันจริงๆ



ree


จานต่อมาเป็นทาร์ทาร์ไทยวากิวเเละหอยนางรม โดยจานนี้มีส่วนผสมของซอสพริกบารบีคิวคะน้ากรอบ กระเทียมดอง รสเผ็ดร้อนจากพริกไทยเเละรสเปรี้ยวหวานนัวๆหอมควันเหมือนซอสบาบีคิวนั้นเข้ากับเนื้อไทยที่ติดมันนิดๆได้อย่างน่าสนใจ ก่อนจะตัดรสด้วยความขมนิดๆจากก้านคะน้าทอดที่ทอดได้ดีมากไม่สุกจนไหม้ข้างในยังนุ่ม เป็นจานที่น่าสนใจทีเดียวครับเเต่ส่วนตัวว่าซอสเผ็ดร้อนไปนิดจนกลบรสหอยกับคะน้าไป



ree


ถัดไปเป็นซุปกันบ้างกับต้มข่าฉบับ 80/20 โดยเชฟเลือกใช้หอยเชลนำมาปรุงให้สุกอย่างช้าๆจนนุ่มหวานด้วยรับประทานกับซุปจากข่าเเละจิโคม่า ตัวซุปหอมเย็นมีเอกลักษณ์ของข่า เปรี้ยวละมุนลิ้น ชูรสของหอยได้อย่างยอดเยี่ยม อร่อยมากครับ



ree


จานนี้เป็นหอยตลับ เเมงภู่ เเครงที่ลวกในซุปหอย รับประทานกับซอสผัดฉ่าทำเองใส่เหล้าไทย เคียงกับ,ถั่วฝักยาว,สะตอ,ถั่วพูล,มะดันวินิเเกรตและผักบุ้ง จานนี้ผมสองจิตสองใจเพราะทางนึงผมประทับใจตัวซอสที่ให้ความรู้สึกเหมือนผัดฉ่าเเต่ลุ้มลึกขึ้นด้วยกลิ่นสโม้คกี้นิดๆจากเหล้าซึ่งเข้ากับหอยที่ทั้งสดกรอบหวานเด้งได้ดีมากๆ เเต่ในขณะที่เครื่องอย่างผักบุ้งนั้นโดยส่วนตัวคิดว่าลวกนานไปจนนิ่มเเละตัอุ้มน้ำทำให้ซอสเสียรสชาติ ตัวร้ายในจานนี้อีกตัวคือกลิ่นสะตอที่แรงกลบกลิ่นผัดฉ่าจนเสียเอกลักษณ์หมด



ree


จานต่อมาเป็น ขนมตาลรับประทานกับเเกงคั่วปลาหมึกและหอยสังข์ เเกงคั่วสองชนิดรสชาติตามมาตราฐานไม่มีอะไรพิเศษ ตัวปลาหมึกเเอบติดคาวนิดๆ เเต่สิ่งที่ทำให้จานนี้เเตกต่างคือขนมตาลที่ใส่สาหร่ายเเละผักน้ำเข้าไปจนทำให้ขนมตาลมีกลิ่นอายของทะเลนิดๆจนเข้ากับซีฟู้ดได้อย่างยอดเยี่ยม



ree


ต่อมาเชฟได้เเรงจากร้านข้าวต้มจึงอยากนำเสนออาหารร้านข้าวต้มที่เเตกต่างกันออกไป


โดยเป็นปลากระพงนึ่งที่ได้เเรงบันดาลใจมาจากปลาเจี๋ยนที่ราดซอสเต้าเจี้ยวทำเองของทางร้านกับเต้าซี่ เเละหนังปลาทอดรสยำสามกรอบ รับประทานกับข้าวต้มชาหอมมะลิ


ตัวปลานี้อร่อยมากๆครับเนื้อนุ่มหวานตัดกับซอสที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเค็มละมุนหอมขึ้นฉ่ายนิดๆ หนังปลาทอดมาได้บางกรอบเปรี้ยวอมหวานอร่อยดี


เเต่ในส่วนข้าวต้มชาที่ใช้ข้าวจากบุรีรัมย์และชาจากดอยเเม่สลอง นั้นส่วนตัวคิดว่ากลิ่นดอกไม้เเรงไปไม่เข้ากับปลาเเละเต้าเจี๊ยว ตัวข้าวค่อนข้างเเข็งไปโดยส่วนตัว



ree


มาถึงจานที่ผมประทับใจที่สุดในมื้อนี้เชฟได้รับเเรงบันดาลใจจากข้าวอบญี่ปุ่นที่มักเสริฟ์เป็นจานสุดท้ายในร้านKappo ซึ่งหากเรากินไม่หมดสามารถขอให้ทางร้านห่อกลับให้ได้เหมือนกันด้วย


โดยข้าวอบของร้าน80/20นั้นมีส่วนผสมของเครื่องเเกงเเละเสริฟ์มาพร้อมกับขาเป็ดคองฟิต โดยเชฟจะนำขาเป็ดไปเว็ทเอจในเหล้าไทยเเล้วเอาไปรมควันไม้ ก่อนจะย่างด้วยไฟอ่อนๆ กินกับมะเฟือง ตะลิงปลิง มะเขือดอง และกิมจิทำเอง



ree


ตัวขาเป็ดนี้ยอดเยี่ยมมากๆครับ ผิวสัมผัสเด้งหอมกลิ่นเหล้าจางๆ สโมคกี้ๆหน่อย เข้ากับซอสที่ทำจากเเบล็คการลิคกับน้ำเป็ดที่หวานหอมชวนหิวนุ่มละมุน ตัวซอสรสหวานเข้าตัดกับ


ตัวข้าวอบที่มีกลิ่นชวนน้ำลายสอหอมกลิ่นแกง กะชาย ก่อนจะเพิ่มลูกเล่นนิดๆด้วยกระเจียวทอดกรุบๆได้ลงตัว เป็นจานที่ยอดเยี่ยมมากๆทุกอย่างเพอร์เฟ็กต์มากๆครับ




ree


ต่อมาเป็นจานล้างปากที่ดัดเเปลงจากอาหารที่เราคุ้นเคยอย่างส้มตำ ในจานนี้มีส่วนผสมของ กระบก มะละกอดิบหั่นเต๋า คาเวียร์จากมะเขือ(เม็ดมะเขือเทศ) เชอเบทมะเขือเทศ ถั่วหวานพิวเร่ และไลม์เคริท์ด จานนี้เป็นจานที่ผมตั้งตารอตั้งเเต่เห็นเมนูอาหารเลยครับโดยเชฟอยากนำเสนอส้มตำที่เเปลกเเตกต่างออกไป เเต่จานนี้บริกรได้เตือนเราว่าอย่าคาดหวังว่ามันเป็นส้มตำ ซึ่งมันก็จริงอย่างเขาว่าครับเเม้จะใช้วัตถุดิบของส้มตำเเต่ผมว่าจานนี้มีรสที่เป็นเอกลักษณ์เเละเเปลกเเหวกเเนวไปสักนิด รสไม่มีความเป็นส้มตำเเม้เเต่น้อย ยิ่งมีส่วนผสมของเชอเบทที่ใส่นมไปนิดนึงนี้ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูเเปลกกันไปกันใหญ่ ไม่ประทับใจครับ



ree


มาถึงจานที่ไม่คาดหวังกันบ้างกับเต้าฮวยน้ำขิง โดยเชฟใช้เต้าหู้ลูกเดือยเเทนเต้าฮวยธรรมดา เเละเสริฟ์มาพร้อมกับน้ำขิงที่ทำจากกะชายเเละพริกไทย จานนี้ดีมากๆครับ ตัวเต้าหู้เนื้อมันหอมลูกเดือยมันนิดๆ นั้นทำได้อย่างยอดยี่ยม เช่นเดียวกับน้ำชากระชายหอมฉุนหวานกลมกล่อมร้อนปลายลิ้นนิดๆ น่าสนใจมากๆครับ ตัวเครื่องเคียงอย่างโดนัทงาดำตบช่วยให้ความหวานไม่ให้ร้อนท้องนักเเละตบอาหารขนมนี้กลับไปเป็นจีน



ree


จานสุดท้ายในคำคืนนี้ของเราอย่างรสชาติเเห่งมะพร้าว ในจานนี้เราจะได้พพบทุกความเป็นไปในการเเปรรูปมะพร้าว ประกอบไปด้วย มะพร้าวเผาเชอเบท เวเฟิลน้ำมะพร้าวกะสมุนไพร กาละเมกะทิ เค้กชาอูหลง เเละครัมเบิล


จานนี้อร่อยมากๆครับ โดยเฉพาะเชอเบทมะพร้าวรสหวานอ่อนหอมกลิ่นควัน ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันลงตัวเเละมีรสชาติที่ชัดเจนเเต่ทุกอย่าง กะละเเมหนึบหนับ เค้กฟูนุ่ม เชอเบทที่นุ่มละมุน ทุกอย่างผสมผสานอย่างสนุกสนานในปาก ส้รางความประทับใจไม่รู้ลืม เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารที่ยอดเยี่ยมมากๆ เเละขอปรบมือให้กับทีมงานของร้าน80/20



🍾Service : 8.75/10

🍽Food: 7.75/10

🤩WOW factor: 8.25/10

💰Value for money: 8/10


Total: 8.25/10



🗺เเผนที่ : https://goo.gl/maps/sQkE6KbxmopGqktz7

⏰เวลาเปิดปิด: 18.00-23.00

💵ค่าเสียหาย: ~3500 Baht

⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://www.8020bkk.com/


ช่องทางติดต่ออื่นๆ

Website: www.eatlikethebossth.com

InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )

FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)

Email : eatlikethebossth@gmail.com

ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss


Comments


Subscribe

©2019 by Eat like the Boss. Proudly created with Wix.com

bottom of page